بسم الله الرحمن الرحيم
وبه نستعين
อัสสาลามมุอะลัยกุม .. สันติสุขจงมีแด่ท่านที่ได้รับทางนำทั้งหมาย
ก่อนที่ผมจะบันทึกประสบการณ์ชีวิตที่คิดว่าอาจจะมีที่เป็นบทเรียนแก่ตัวเองหรือแก่คนที่พบเห็นหรืออาจจะไม่มีแล้วแต่ท่านที่พบและมาอ่านบันทึกนี้ ผมขอแนะตัวเองก่อน
ผมมีชื่อตามสำเนาทะเบียนบ้านว่า นายอิบรอเฮม หะยีสาอิ ถ้าชือในภาษาอาหรับ
ابراهيم مصفطفى حاج سعيد เป็นบุตรคนที่สี่ของโต๊ะครูที่ชื่อว่า
หะยีมุสตอฟา อาวัง หะยีสาอิ หรือที่เป็นที่รู้จักในชื่อ "
หะยีอาแว ตือเบาะ" เป็นโต๊ครูประจำปอเนาะและตำบลบาโงยซิแน อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
เข้าใจว่าด้วยภาระงานของพ่อทำให้พ่อไม่ค่อยมีเวลายุ่งเกี่ยวกับระบบครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับทางการเท่าไร เพราะงานของพ่อเป็นงานดะวะฮฺและบริการมุสลิมในฐานะโต๊ะครูและประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา เลยทำให้วันเดือนปีเกิดของผมที่มีอยู่สำเนาทะเบียนบ้านไม่ตรงกับความเป็นจริง
 |
หะยีมุสตอฟา อาวังหะยีสาอิ |
วันเดือนปีเกิดของผมตาสำเนาะทะเบียนบ้านคือวันที่ 8 ตุลาคม 2502 แต่แม่เล่าว่าวันที่ผมเกิดนั้นเป็นเวลาตอนอัศริ วันอาทิตย์ขึ้น 15 ค่ำ เดือนระญับ พอไปเทียบแล้วไม่ใช่วันเดียวกันกับวันที่ 8 มกราคม 2502 ดังนั้นผมจึงได้คำนวณเปรียบเทียบวันที่ตรงกับวันเกิดที่แม่บอก ผมจึงถือวันเดือนปีเกิดของผมจริงๆ คือ วันที่ 25 มกราคม 2502
ผมเกิดที่บ้านของพ่อแม่ เขาเรียกว่าปอเนาะบาโงยซิแน ตรงกับบ้านเลขที่ 63 หมู่ที่ 3 ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา ตอนผมเด็กๆ รอบๆบ้านยังมีปอเนาะที่เป็นที่พักของนักเรียนมาเรียนศาสนากับพ่อ มีทั้งปอเนาะคนโสด(เขาเรียกว่าปอเนาะลูวา :
ลููวา แปลว่า นอก) และมีทั้งปอเนาะที่อยู่กันเป็นครอบครัว(เขาเรียกว่าปอเนาะดาแล :
ดาแล แปลว่า ใน) พอโตขึ้้นปอเนาะลูวาค่อยๆหายไป เลือแต่ปอเนาะดาแล และอีกไม่กี่ปีเช่นกันปอเนาะดาแลก็ค่อยๆ หายไปเช่นกัน
 |
สภาพหน้าบ้านในอดีต(ประมาณ 50 ปีที่แล้ว)
และสามคนเด็กปอเนาะ คนกลางเป็นพี่ชายคนโตของผม |
การศึกษาของผมเท่าที่จำได้ ผมเข้าเรียนชั้นเด็กเล็กที่โรงเรียนบ้านบาโงยซิแน เรียนชั้นเดียวกับพี่ชายคนที่สอง นายอับดุลลอฮฺ หะยีสาอิ เรียนได้หนึ่งปี ผมไม่สามารถเลื่อนชั้นได้ เพราะอายุไม่ถึงเกณฑ์ กอร์ปกับพ่อต้องการให้ไปเรียนในเมือง เลยย้ายไปเรียนในตัวเองยะลา เข้าชั้น ป.1 ที่โรงเรียนยะลาวิทยามูลนิธิ(ย.ว.ม.) เป็นเครือข่ายของมูลนิธิอิสลามวิทยามูลนิธิ ตั้งอยู่ที่บ้านสะเดง ติดกับโรงเรียนเทศบาล 1 ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา (ปัจจุบันโรงเรียน ย.ว.ม.นี้ไม่เหลือร่องรอยอะไรแล้ว) เรียนจนถึงชั้นประถมปีที่ 3 ด้วยเหตุผลอะไรผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน ย้ายกลับไปเรียนต่อที่ใกล้บ้าน โรงเรียนบ้านบาโงยซิแน และเท่าที่จำได้ ผมเรียน ป.3 ที่ ย.ว.ม. ยังอ่านหนังสือไม่ออก แต่พอกลับมาเรียนที่โรงเรียนบ้านบาโงยซิแน ใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถอ่านหนังสือได้ทันที จำได้ว่าก่อนออกจากโรงเรียน ย.ว.ม. โดนครูตีอย่างหนักเพราะอ่านหนังสือไม่ได้ เลยทำให้มั่นใจว่าการอ่านหนังสือได้หรือไม่ได้นั้นอยู่ที่ครูและวิธีการสอน ส่วนไอคิวหรือเชาวน์ปัญญา ก็เป็นผมคนเดียวกัน สมองอันเดียวกัน
เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 แล้ว ก็ต้องหาโรงเรียนที่จะศึกษาต่อในระดับมัธยมต่อไป ก่อนปิดภาคเรียน เพื่อนๆในชั้นหลายคนไปเรียนติวเพื่อสอบแข่งขันเข้าเรียนโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง แต่ผมไม่สนใจเพราะในใจมีอยู่่แล้วว่าจะไปเรียนที่โรงเรียนพัฒนาวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนอีกแห่งหนึ่งที่พ่อเป็นผู้ก่อตั้้ง ครูจะถามว่าไปเรียนที่นั้นทำไม ผมไม่ตอบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง เพื่อนช่วยอธิบายให้ครูฟังซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนอธิบาย พอเรียนจบผมได้อันดับที่สองในห้อง เห็นเพื่อนไปสมัครเรียนที่คณะราษฎรฯ ผมก็ไปสมัครกับเขาด้วย เพื่อนที่ไปติวสอบติดทุกคนได้อันดับท้ายๆ ผมก็สอบติดด้วยและอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดของกลุ่ม ได้อยู่ห้องทับสองหรือที่เขาเรียกว่าห้องควีน(คงเป็นห้องเก่งรองจากทับหนึ่งมั้ง)

โรงเรียนคณะราษฎรบำรุงเป็นโรงเรียนนำร่องใช้หลักสูตรมัธยมแบบประสม แทนที่จะเรียนวันละ 5 ชั่วโมงเหมือนโรงเรียนอื่นๆ แต่เราเรียนวันละ 7 คาบ คาบละ 50 นาที มีวิชาการงานที่ชัดเจนด้วย ชั้น ม.ศ. 1 นักเรียนต้องเรียนวิชาการงานทุกงานที่เปิดสอน พอขึ้นชั้น ม.ศ. 2 ก็ต้องเลือกเรียน ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการลงทะเบียนเรียน ในสมัยนั้นไม่มีที่ไหนต้องลงทะเบียนเรียนนอกจากโรงเรียนแบบประสม จำได้ว่าผมเลือกเรียนภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ ส่วนการงานนั้นผมไปสมัครช่วยงานตอนเลิกเรียน ทำงานที่โรงพิมพ์เลยทำให้ผมมีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือจนถึงทุกวันนี้
เมื่อจบชั้น ม.ศ.3 ก็สมัครสอบแข่งขันเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ณ ที่เดิม ได้เข้าเรียนสายวิทย์-คณิต อยู่ห้องเรียนทับสองเหมือนมัธยมต้น แต่เมื่อหลักสูตรเปิดโอกาสให้จบตามหน่วยกิจที่กำหนด ทำให้เพื่อนบางคนขอจบภายในปีครึ่งและสามารถเรียนจบได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเรียนจบชั้นปีอย่างที่ทุกคนเขาทำกัน และจำได้ว่าเมื่อเราเขียนหนังสือถามกรมสามัญศึกษาว่าเราสามารถที่จะเรียนจบภายในปีครึ่งได้ไหม ท่านคุณหญิงอัมพร มีศุข อธิบดีกรมสามัญศึกษาในเวลานั้นเขาตอบว่า "เป้าหมายของการศึกษาตามหลักสูตรให้อยู่กับครูในโรงเรียน ไม่ใช่เพื่อเรียนให้จบเนื้อหาวิชาตามที่บันทึกไว้ในหลักสูตรอย่างเดียว"(ประมาณนี้) เลยทำให้เข้าใจระบบการศึกษาและยึดมั่นตามที่ท่านว่าจนถึงขณะนี้ และนำไปสู่จุดยืนที่ว่าวิชาอิสลามศึกษาถ้าจะสอนทางไกลต้องมีการอบรมอย่างเข้มข้น ไม่อย่างนั้นเราจะเจอคนที่เก่งเนื้อหาแต่ไม่รู้จักปฎิบัติ

เมื่อจบ ม.ศ.5 แล้ว ด้วยสภาพที่เอนทรานซ์ไม่ติดก็เว้นว่างไปหนึ่งปี ด้วยไปการไปเรียน AUA ที่กรุงเทพฯ แล้วสุดท้ายกลับมาเรียนที่วิทยาลัยครูยะลาเอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป จำได้ว่าเรียนวิชาเคมีกับอาจารย์วิโรจน์ ปียวัชรพันธุ์(ภายหลังท่านได้เป็น รศ.และได้รับตำแหน่งอธิการบดีสถาบันราชภัฏยะลา)ท่านเป็นแบบอย่างคนหนึ่งที่ผมใช้สอนจนถึงทุกวันนี้ วิชาฟิสิกส์กับอาจารย์สุประดิษฐ์ ลิบรัตนสกุล(ภายหลังท่านได้เป็นอธิการบดีสถาบันราชภัฏภูเก็ต และเคยเจอท่านครั้งหนึ่งตอนที่ไปสัมมนาเรื่องโรคเอดส์ที่ภูเก็ต) เรียนวิชาชีวะกับอาจารย์สงวน(จำนามสกุลไม่ได้) แต่คนที่เปลี่ยนแปลงผมได้ดีที่สุดสมัยเรียนที่วิทยาลัยครูยะลาคืออาจารย์สุปราณี ปียวัชรพันธุ์ ภรรยาของท่านอาจารย์วิโรจน์ เป็นครูสอนภาษาไทย วิชาที่ท่านสอนและที่ผมเรียนจดจำวิธีการและนำไปใช้จนถึงทุกวันนี้ คือวิชา วาทศิลป์ สอนวิธีการพูด ท่านฝึกการพูดต่อหน้าชุมชน การวางลำดับเนื้อหาในการพูด จากคนที่พุดไทยไม่เป็นอย่างผมจนสามารถพูดต่อหน้าชุมชนได้ก็ได้ความรู้และการฝึกฝนจากท่าน
 |
บริเวณศูนย์กลางของมหาวิทยาลัย
ว่างจากเวลาเรียนจะมานั่งจิบน้ำชาอยู่ภายใต้ต้นไม้
ที่เห็นอยู่ไกลๆ |
เรียนที่วิทยาลัยครูยะลาได้หนึ่งปี ก็ได้รับหนังสือตอบรับเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยริยาฎ ซาอุดิอาราเบีย(ต่อมาเปลี่ยนเป็นชื่อ มหาวิทยาลัยคิงส์ซะอูด) ก็ทำให้เลือกลาจากวิทยาลัยครูบินไปศึกษาต่อ ณ กรุงริยาฏ เมืองหลวงของประเทศซาอุดิอาราเบีย
แรกเริ่มเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยริยาฏ ต้องเข้าเรียนภาษาอาหรับก่อน 2 ปี หลังจากนั้นเข้าเรียนต่อปีที่ 1 คณะศึกษาศาสตร์ เอกวิชาฟิกสิกส์ ซึ่งเกิดปัญหาทุลักทุเลพอสมควร เนื่องจากภาษาที่เราเรียนในชั้นเรียนเป็นภาษากลาง แต่ภาษาที่เรียนในคณะเป็นภาษาที่ใช้สำเนียงของแต่ละชาติขึ้นอยู่กับผู้สอน เช่น อาจารย์จากประเทสซีเรีย ก็จะพูดภาษาอาหรับสำเนียงซีเรีย หลายคำที่ผมไม่เข้าใจเลยว่าอาจารย์เขาว่าอะไร เปิดในพจนานุกรมก็ไม่มี
เรียนที่มหาวิทยาลัยริยาด(Riyadh University)ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง ประมาณ 3 ปี(รวมทั้งเรียนภาษา) ก็เปลี่ยนไปเรียน ณ ที่แห่งใหม่ที่ใหญ่โตมากและเปลียนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยคิงซะอูด(King Saud University)
เนื่องจากเป็นคนต่างประเทศ ภาษาอาหรับไม่แข็งแรง เวลาลงทะเบียนเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาไม่อนุญาตให้ลงทะเบียนมากกว่า 15 หน่วยกิต เลยทำให้เรียนจบช้ากว่าปกติ ทำให้ผมได้อยู่ที่ซาอุฯนาน เก็บประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งอื่นที่นอกเหนือจากเนื้อหาในหลักสุตรทีต้องเรียนได้มากมาย และความรู้ที่ผมเก็บสะสมกับการนั่งอยู่ในห้องสมุดประจำเกือบทุกวันหลังละหมาดอัศริจนถึงมุฆริบ คือ ความรู้เรื่องศาสนา เช่น ศึกษาความหมายอัลกุรอาน ศึกษาหลักศาสนบัญญัติในความเห็นต่างๆ ส่วนเรื่องทุนค่าเล่าเรียนนั้นไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลซาอุฯเขาจะให้ทุกเดือน เดือนละ 1000 ริยาล ประมาณ 7000 บาทในขณะนั้น
ระหว่างที่กำลังเรียนนั้นได้เจอประสบการณ์หลากหลาย แต่ก็คิดว่าไปแปลกประหลาดเท่าไร เพียงแต่บางอย่างทำให้เราได้พบกับความจริง และสิ่งหนึ่งที่เจอแล้วจำจนคิดเป็นแบบอย่างและจะนำมาใช้ในกาทำงานแต่ก็ไม่สามาถทำได้ .. ตอนอยู่ปี 1 อาจารย์คนหนึ่งพึ่งจบจากสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ ชือ่ ดร.อะหฺมัด อาลี อัลหะรกาน เขาสอนวิชา Physics I วันแรกที่เขาเข้ามาเขาก็จะแนะนำตัวและเล่าประวัตตัวเองประมาณว่า เขาเป็นศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยนี้ ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ไปศึกษาต่อ ป.โท ที่สหรัฐอเมริกาและทางมหาวิทยาลัยที่เขาจะเรียนให้เขาไปเข้าเรียนในชั้นปีที่ 4 ก่อน แต่เขาไม่ยอม เพราะเขาถือว่าเขาจบจากมหาวิทยาลัยมาตรฐานระดับโลกแล้วทำไมต้องเลื่อนชั้นเขา เขาจึงเรียนระดับ ป.โท โดยลงทะเบียนเพียงแค่วิชาเดียว แต่ผลการเรียนออกไม่ได้ B+ เขาบอกว่าเป็นไปได้ไง เขาเรียนวิชาเดียวได้เพียงแค่นี้ จึงไปขอจากมหาวิทยาลัย ขอเรียนชั้นปีที่ 3 ใหม่ .. เขาว่าถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น เขาคงไม่มีดอกเตอร์อย่างทุกวั้นนี้ ..
ในการเรียนการสอนที่ดอกเตอร์ใช้สอนนั้น หลักจากแนะนำตัวแล้ว ท่านนำเสนอหนังสือประกอบการสอน และท่านให้พวกเราไปทำแบบฝึกหัดท้ายบท และบอกว่าเจอกันอาทิตย์หน้าเราจะมีอภิปรายกัน .. ผมก็เลยไปทำแบบฝึกหัดตามที่ท่านสั่ง แต่กว่าจะทำได้ทุกข้อตามคำสั่งนัั้นผมต้องอ่านหนังสือในบทนั้นเป็นสิบเล่ม .. จึงได้คำตอบว่า "การเรียนรู้เป็นแบบนี้เอง ยิ่งอ่านเยอะยิ่งได้ความรู้เยอะ สามารถที่จะแก้ปัญหาตามโจทย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น" พอถึงเวลาที่นัดหมาย ดอกเตอร์ท่านก็จะถามว่า ใครมีปัญหาตรงไหนในการทำแบบฝึกหัด ผมก็บอกท่านถึงปัญหาที่ผมเจอ ท่านก็ได้อธิบายถึงความเป็นมาเป็นไป อธิบายทฤษฎีที่จะใช้ในการแก้ปัญหา แนวทางแก้ปัญหา .. สรุปว่า "ท่านกำลังสอนพวกเรา โดยใช้ปัญหาในการสอน" ตกลงว่า ผมได้ความรู้ในบทนั้นเยอะมาก .. แต่คืนอื่นไม่มีใครทำ สุดท้ายท่านก็สอนแบบ บรรยาย บรรยายและบรรยาย
 |
โรงเรียนสุขสวัสดิ์วิทยา ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา |
เมื่อเรียนจบได้วุฒิ B.Ed.in Scince(Physics) ก็กลับมาบริการสอนหนังสือที่บ้าน ที่โรงเรียนสุขสวัสดิ์วิทยา เป็นโรงเรียนที่พ่อก่อตั้งขึ้นหลังจากที่พ่อลาออกจากการทำงานที่บริษัท(
เมื่อพ่อเสนอแก่นายกจอพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ให้ช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมให้การไปทำพิธิหัจญ์ ท่านนายกแนะนำให้ไปคุยกับนักธุรกิจก่อตั้งบริษัทจัดส่งคนไปทำฮัจญ์ท่านก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการ บริษัทไทยพิลกรีมเซอร์วิสจำกัด สาขายะลา) โดยคำเสนอแนะและการสนับสนุนจากท่าน สุวรรณ์ กู้สุจริต ศึกษาธิการอำเภอยะหาในสมัยนั้น จากเปิดสอนแบบเสาร์อาทิตย์ พัฒนาสู่การการจดทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม แน่นอนวนภาระงานที่ผมรับในโรงเรียนคือ สอนวิทยาศาสตร์และภาษาอาหรับเบื้องต้น จนเป็นคนหนึ่งที่ผลักดันในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจากระบบ 15(2)เป็น 15(1)ได้รับอุดหนุนจากรัฐบาลเหมือนโรงเรียนเอกชนทั่วไป
 |
วิทยาลัยอิสลามยะลา ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา |
เมื่อปี 2540 ด้วยความท้าทายและความต้องการให้ความช่วยเหลือให้เกิดการศึกษาระดับอุดุมศึกษาของมุสลิมในภาคใต้ของประเทศไทย จึงได้ออกจากความเป็นครูที่โรงเรียนและมาช่วยงานทะเบียนที่วิทยาลัยอิสลามยะลา(ชื่อในขณะนั้น) เพราะงานทะเบียนเรียนเป็นงานใหม่สำหรับพวกเรามุสลิมใน 3 จังหวัด ส่วนใหญ่แล้วจะค่อยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากนัก และผมเป็นคนหนึ่งที่มีประสบเรื่องโดยตรงตั้งแต่จบชั้นประถมมา กอร์ปกับมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์พอสมควร จึงมารับงานเป็นหัวหน้าฝ่ายทะเบียน สร้างโปรแกรมการลงทะเบียนให้แก่นักศึกษาได้ลงทะเบียนได้ แม้จะไม่ใช่ระบบออนไลน์ แต่ก็สามารถจัดการการลงทะเบียนให้เร็วและเป็นระบบได้พอสมควร
ด้วยขีดจำกัดของผู้ที่จะมาเป็นอาจารย์ที่มีความรู้สองด้าน(ศาสนาและสามัญ) เลยเป็นจุดกระตุ้นให้ผมได้เรียนต่อระดับปริญญาโท เลือกสาขาวิชาที่สนใจตั้งแต่เรียนอยู่ ณ ต่างประเทศ สาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และจบมาเป็นอาจารย์สอนระดับอุดมศึกษาอย่างสมบูรณ์เมื่อปี พศ.2546
ระหว่างที่กำลังเรียนจิตวิทยาอยู่นั้น บางวันเมื่ออาจารย์อธิบายถึงทฤษฎีจิตวิทยาก็รู้สึกว่าอันนี้ แบบนี้เราเคยผ่านมาแล้ว บางครั้งอ่านอัลกุรอานตอนเช้าพอตอนสายกลับพบอาจารย์มาอธิบายความกระจ่างอายาตที่ได้อ่านมาตอนเช้า สรุปว่า ทฤษฎีทางจิตวิทยาจริงๆแล้วมีมานานแล้ว อััลกุรอานได้กล่าวถึงมานานแล้ว เพียงแต่เราไม่เคยศึกษาอัลกุรอานในมุมมองที่เป็นความรู้ทั่วไปที่นอกจากความรู้ด้านอิบาดะฮฺ
เมื่อวิทยาลัยอิสลามยะลา(
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยอิสลามยะลาแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยฟาตอนี)เปิดคณะวิทยาศาสตร์ ทางมหาวิทยาลั้ยได้แต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งเป็นรองคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ในฐานะที่จบ ป.ตรี วิทยาศาสตร์และมีความรู้ในเรื่องวิทยาศาสตร์ในมุมอิสลาม ซึ่งเป็นเป้าหมายหนึ่งของการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา และด้วยการที่ต้องมารับผิดชอบในคณะนี้ทำให้ผมได้เขียนหนังสือสำหรับเยาวชนขึ้นมา 3 เล่ม ในชื่อ "วิทยาศาสตร์อิสลาม"
ในช่วงปี 2556 เป็นต้นมาได้ออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานเสือภูเขา และเมื่อต้นปี 2552 ได้ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน ทำให้ต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 44 วันและต้องหยุดงานนาน 8 เดือน พอกลัมมาทำงานอีกครั้ง มหาวิทยาลัยเลื่อนให้ไปเป็น ผอ.สำนักวิทยบริการ รับผิดชอบงานห้องสมุดและศูนย์คอมพิวเตอร์ จนถึงทุกวันนี